ไม่ว่าเราจะตัดสินใจกินอะไรเข้าไปก็ตาม ทุกครั้งเราจะต้องทำการศึกษาดูรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดีก่อน เพื่อที่สิ่งที่เรากินเข้าไปนั้นจะได้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะแม่ท้องคนไหนที่กำลังมีคำถามเกิดขึ้นมาในใจว่า คนท้องกินน้ำส้มสายชูได้ไหม กินแล้วส่งผลอย่างไรต่อแม่ท้อง บอกเลยว่าหากใครที่รู้คำตอบจะต้องคลายความกังวลขึ้นมาอย่างแน่นอนค่ะ
ประเภทของน้ำส้มสายชูที่เราควรรู้!
เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าน้ำส้มสายชูที่เราชอบนำมาเป็นส่วนผสมในอาหาร หรือนำไปใช้งานในด้านอื่น ๆ นั้นมีทั้งหมดกี่ประเภท และแต่ละกี่ประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เรามาดูกันเลยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : มาดูกัน! คนท้องกินน้ำใบเตยได้ไหม เครื่องดื่มสมุนไพรที่แม่ต้องรู้
1. น้ำส้มสายชูแบบหมัก
เรามาดูกันที่ประเภทแรกของน้ำส้มสายชูกันเลย นั่นคือน้ำส้มสายชูแบบหมัก ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะทำมาจากการที่เรานำผลไม้ ธัญพืช หรือน้ำตาลมาทำการหมักเข้าด้วยกัน จากนั้นเราก็จะได้ปริมาณกรดน้ำส้มไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 เลยทีเดียว
2. น้ำส้มสายชูเทียม
มาต่อกันที่ประเภทน้ำส้มสายชูเทียม ต้องบอกว่าน้ำส้มสายชูประเภทนี้จะนำเอากรดส้มมาทำการเจือจาง ซึ่งน้ำส้มสายชูเทียมที่ได้จะไม่ได้ทำการเจือสีใด ๆ ทำให้น้ำส้มสายชูประเภทนี้มีลักษณะใส และมีกรดน้ำส้มร้อยละ 4 – 7 นั่นเองค่ะ
3. น้ำส้มสายชูกลั่น
ในส่วนของน้ำส้มสายชูประเภทกลั่น ก็จะเป็นน้ำส้มสายชูที่เกิดจากการนำเชื้อน้ำส้มสายชูกับแอลกอฮอล์มาผสมเข้าด้วยกัน ซึ่งลักษณะของน้ำส้มสายชูประเภทนี้ก็จะมีลักษณะค่อนข้างใสอยู่เหมือนกัน อีกทั้งยังปริมาณกรดน้ำส้มสายชูไม่น้อยกว่า 4 เลยนะคะ
สิ่งที่แม่ต้องรู้! คนท้องกินน้ำส้มสายชูได้ไหม?
น้ำส้มสายชูที่เรากำลังพูดถึงกันนั้น โดยส่วนใหญ่หลายคนก็มักจะชอบนำน้ำส้มสายชูมาปรุงในเมนูอาหารเพื่อเพิ่มความอร่อย อาทิเช่น เมนูก๋วยเตี๋ยว ซึ่งต้องบอกว่าน้ำส้มสายชูเป็นส่วนผสมที่เราสามารถนำมาปรุงอาหารได้ แต่ในขณะเดียวกันเราควรที่จะใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรที่จะใส่เยอะจนเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นจากที่จะเป็นประโยชน์และเพิ่มความอร่อยให้กับเมนูอาหาร สิ่งนี้ก็อาจจะส่งผลอันตรายต่อแม่ท้องได้ง่าย ๆ เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินน้ำอะไรได้บ้าง เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อคนท้องคืออะไร? มาดูกัน
มาดูกันกินน้ำส้มสายชูแล้วมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะกำลังสงสัยอยู่ใช่ไหมคะว่าน้ำส้มสายชูมีประโยชน์อย่างไร ซึ่งต้องบอกเลยนะคะว่าสิ่งนี้นอกจากจะนำมาเป็นส่วนผสมในการทำอาหารแล้วนั้น น้ำส้มสายชูยังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกเพียบเลย ส่วนจะมีประโยชน์กันอย่างไร มาดูไปพร้อมกันได้เลยค่ะ
1. ช่วยขจัดคราบตู้เย็น
สิ่งแรกที่ใครหลายคนชอบนำน้ำส้มสายชูไปใช้ประโยชน์นั่นก็คือ นำน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเปล่า เพื่อนำมาทำการขจัดคราบสกปรกบริเวณตู้เย็น เพราะฉะนั้นหากใครที่กำลังอยากทำความสะอาดตู้เย็นอยู่พอดี เราก็อาจจะนำน้ำส้มสายชูมาทำความสะอาดคราบสกปรกของตู้เย็นได้เลยนะคะ
2. ทำความสะอาดถ้วยกาแฟ
การที่เรากินกาแฟหรือชาอยู่เป็นประจำ ผลที่ตามมาอีกอย่างก็อาจจะทำให้ภาชนะที่เราใส่เครื่องดื่มเหล่านี้เกิดเป็นคราบสกปรกขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นหากใครที่อยากจะขจัดคราบเหล่านี้ออกไป เราก็อาจจะใช้น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา และน้ำเปล่าผสมกันเพื่อทำความสะอาดคราบเหล่านี้ให้หมดจดได้เช่นเดียวกัน
3. ใช้กำจัดคราบเชื้อรา
หากใครที่กำลังพบเจอคราบเชื้อราเกิดขึ้นบริเวณบ้าน สิ่งที่จะช่วยทำให้คุณบอกลาปัญหาที่กำลังพบเจออยู่ในตอนนี้ คือ ให้เราทำการบีบน้ำส้มสายชูลงไปในบริเวณที่มีเชื้อรา จากนั้นให้เรานำผ้าชุบน้ำสะอาดมาทำการเช็ดอีกรอบหนึ่ง เพียงเท่านี้คราบเชื้อราก็จะหมดไปแล้วล่ะค่ะ
4. ใช้สำหรับซักผ้าม่าน
สำหรับใครที่อยากจะทำความสะอาดผ้าม่าน หากผ้าม่านที่เราซักมีคราบสกปรกเกิดขึ้น เราก็อาจจะใช้น้ำส้มสายชู เกลือ และเบกกิ้งโซดามาทำการผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นให้เรานำส่วนผสมเหล่านี้เทลงไปบริเวณที่มีคราบเกิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปสักพักให้เราทำการซักทำความสะอาดได้ปกติ เพียงเท่านี้เราก็จะได้ผ้าม่านที่สะอาดขึ้นมาเลยค่ะ
วิธีการเลือกซื้อน้ำส้มสายชูดูอย่างไร?
ก่อนที่เราจะเลือกซื้อน้ำส้มสายชูนั้น หากเราอยากที่จะได้รับความปลอดภัยในการนำมาปรุงอาหาร หรือนำไปประกอบทำเป็นสิ่งต่าง ๆ แน่นอนว่าเราจะต้องดูรายละเอียดและองค์ประกอบต่าง ๆ ของน้ำส้มสายชูตามไปด้วยนะคะ เพื่อที่เราจะได้ปลอดภัยมากที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินน้ำใบบัวบกได้ไหม น้ำสมุนไพรชนิดนี้ส่งผลต่อแม่ท้องอย่างไร?
1. ไม่มีสิ่งแปลกปลอม
สิ่งที่เราอาจจะต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกนั้น เราอาจจะต้องตรวจสอบน้ำส้มสายชูภายในขวดดูด้วยค่ะว่า น้ำส้มสายชูที่เราจะซื้อไปนั้นมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในขวดหรือไม่ หากเมื่อไหร่ที่น้ำส้มสายชูมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเทียบกับขวดอื่น ๆ เราไม่ควรที่จะซื้อมาใช้โดยเด็ดขาด
2. สังเกตดูปริมาณกรด
ขั้นตอนการเลือกซื้อน้ำส้มสายชูต่อมาเลย เราอาจจะต้องดูที่ปริมาณกรดน้ำส้มภายในขวดด้วยว่า มีกรดน้ำส้มในปริมาณที่มากหรือน้อยแค่ไหน ซึ่งกรดน้ำส้มที่มีรสเปรี้ยวกำลังพอดีน่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4 – 7 หากเมื่อไหร่ที่เราเลือกซื้อน้ำส้มสายชูที่มีกรดน้ำส้มในปริมาณที่มากจนเกินไป สิ่งนี้ก็อาจจะเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ดีตามมาได้
3. เลือกประเภทน้ำส้มสายชู
ต่อมาเราก็อาจจะต้องทำการเลือกประเภทของน้ำส้มสายชู ซึ่งในการเลือกนั้นเราอาจจะต้องพยายามเลือกประเภทของน้ำส้มสายชูที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุดนะคะ เพื่อที่เราจะได้ปลอดภัยในการกินน้ำส้มสายชูไปด้วย
4. ดูข้อมูลการแพ้อาหาร
หากใครที่มีอาการแพ้อาหารง่ายอยู่แล้ว เราก็อาจจะต้องทำการศึกษาหรือดูข้อมูลของการแพ้อาหารตามไปด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราไม่ได้ทำการดูรายลเอียดเหล่านี้เลย สิ่งที่ตามมาอีกอย่างก็อาจจะทำให้อาการแพ้อาหารของเรากำเริบ ดีไม่ดีก็อาจจะมีอาการขั้นรุนแรงได้เลย เพราะฉะนั้นควรต้องระวังเรื่องนี้กันด้วยนะคะ
5. อ่านข้อมูลการผลิต
สิ่งที่เราอาจจะต้องดูต่อมาเลยคือเรื่องของการผลิต ต้องบอกว่าสิ่งนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างสำคัญมาก ๆ ซึ่งเราอาจจะต้องดูมาตรฐานการรับรองความปลอดภัย วันที่เริ่มผลิต รวมไปถึงวันหมดอายุ เพื่อที่เราจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ และจะได้ไม่มีอันตรายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นมาในภายหลัง
6. ทำการปรึกษาคุณหมอ
สำหรับใครที่มีโรคประจำตัว และค่อนข้างเป็นกังวลในเรื่องการรับประทานอาหาร แน่นอนว่าก่อนที่เราจะกินอะไรเข้าไป เพื่อความมั่นใจและปลอดภัยต่อร่างกายเราอาจจะต้องทำการปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากคุณหมอก่อนทุกครั้งนะคะ เพราะไม่อย่างนั้นสุขภาพร่างกายของเราอาจจะอ่อนแอขึ้นมาได้ง่าย ๆ
จากที่เราได้พาคุณแม่มาทำความรู้จักกับน้ำส้มสายชูกันมากขึ้นแล้วนั้น ต้องบอกเลยนะคะว่าน้ำส้มสายชูไม่ได้ใช้เพียงแค่เป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารเพียงเท่านั้น แต่น้ำส้มสายชูยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างเลย แต่ในขณะเดียวกันเราก็อาจจะต้องระมัดระวังในเรื่องของปริมาณตามไปด้วย เพื่อที่เราจะได้ปลอดภัยกันมากขึ้นนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
สาระน่ารู้ ! คนท้องกินน้ำผึ้งได้ไหม อยากน้ำหวานทานน้ำผึ้งแทนได้หรือเปล่า ?
คนท้องกินน้ำมะตูมได้ไหม เครื่องดื่มสมุนไพรที่คุณแม่ต้องลอง!
คนท้องกินน้ำกระเจี๊ยบได้ไหม เครื่องดื่มอร่อยที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม!
ที่มา : 1, 2